
บาคาร่า คืออะไร? ทำไมถึงเป็นเกมไพ่ยอดนิยมอันดับ 1 ในโลกออนไลน์
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในโลกของเกมไพ่และคาสิโนออนไลน์ ชื่อของ “บาคาร่าออนไลน์” (Baccarat) คือชื่อที่ถูกพูดถึงมากที่สุด อยากเล่นบาคาร่า และมักจะครองตำแหน่ง “เกมไพ่ยอดนิยมอันดับ 1” มาอย่างยาวนาน แต่สำหรับมือใหม่หรือผู้ที่ยังไม่เคยสัมผัสเกมนี้ อาจจะยังมีคำถามว่า บาคาร่า คืออะไร? และอะไรคือปัจจัยที่ทำให้เกมที่ดูเรียบง่ายนี้ สามารถดึงดูดผู้เล่นจากทั่วโลกได้อย่างมหาศาล?
บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับบาคาร่า ตั้งแต่กติกาพื้นฐาน ไปจนถึงเหตุผลเบื้องหลังที่ทำให้เกมนี้ขึ้นแท่นเป็นราชันย์แห่งเกมไพ่อย่างแท้จริง
1. บาคาร่า คืออะไร? ทำความเข้าใจเกมแห่งการ “ทายผล”
บาคาร่า (Baccarat หรือ บาการา) คือเกมไพ่ชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในคาสิโนทั่วโลก ทั้งในรูปแบบคาสิโนจริงและคาสิโนออนไลน์ แม้จะมีรากศัพท์มาจากภาษาอิตาลีที่แปลว่า “ศูนย์” (ซึ่งหมายถึงไพ่ 10, J, Q, K ที่มีค่าเป็นศูนย์) แต่รูปแบบการเล่นที่แพร่หลายที่สุดในปัจจุบันคือ “ปุนโต บลังโก” (Punto Banco) ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับการเล่นไพ่ป๊อกเด้งของไทย
กติกาและรูปแบบการเล่นโดยสรุป:
บาคาร่าเป็นเกมที่เล่นโดยเปรียบเทียบไพ่ระหว่าง 2 ฝ่ายหลัก คือ:
- ผู้เล่น (Player)
- เจ้ามือ (Banker)
หน้าที่ของผู้เล่นคือ: การเลือกวางเดิมพันว่าฝ่ายใดจะมีแต้มรวมใกล้เคียงกับ 9 มากที่สุด โดยมีตัวเลือกการเดิมพันหลักๆ 3 ตัวเลือกคือ:
- Player (ผู้เล่นชนะ)
- Banker (เจ้ามือชนะ)
- Tie (เสมอ)
การนับแต้ม: อยากเล่นบาคาร่า
- ไพ่ A มีค่าเท่ากับ 1 แต้ม
- ไพ่ 2 ถึง 9 มีค่าตามหน้าไพ่
- ไพ่ 10, J, Q, K มีค่าเท่ากับ 0 แต้ม
- หากผลรวมของไพ่เกิน 9 ให้นับเฉพาะหลักหน่วย (เช่น 12 นับเป็น 2, 19 นับเป็น 9)
ความง่ายที่ซ่อนอยู่: ผู้เล่นไม่จำเป็นต้องรู้กฎการจั่วไพ่ใบที่สามอย่างละเอียด เพราะระบบจะดำเนินการให้โดยอัตโนมัติ ทำให้เกมนี้ง่ายต่อการเริ่มต้นสำหรับมือใหม่
2. ทำไมบาคาร่าถึงเป็นเกมไพ่ยอดนิยมอันดับ 1? (ปัจจัยสู่ความสำเร็จ)
ความนิยมของบาคาร่าไม่ได้มาจากความบังเอิญ แต่เกิดจากองค์ประกอบหลายอย่างที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ทำให้เกมนี้มีเสน่ห์ดึงดูดใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในบริบทของคาสิโนออนไลน์
2.1. อยากเล่นบาคาร่า ความเรียบง่ายและรวดเร็ว (Simplicity & Speed)
นี่คือจุดแข็งอันดับหนึ่งของบาคาร่า! กติกาหลักคือการ “ทาย” ไม่ใช่การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่ซับซ้อนเหมือนโป๊กเกอร์หรือแบล็คแจ็ค ผู้เล่นเพียงแค่เลือกฝั่งแล้วรอผลลัพธ์ แต่ละรอบใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที ทำให้สามารถเล่นได้หลายรอบในเวลาอันสั้น เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ชื่นชอบความตื่นเต้นและต้องการ “ลุ้น” อย่างต่อเนื่อง
2.2. อัตราต่อรองที่ดีเมื่อเทียบกับเกมอื่น (Favorable House Edge)
ในบรรดาเกมคาสิโนส่วนใหญ่ บาคาร่ามีอัตราต่อรองที่ยุติธรรมที่สุดในทางสถิติ (House Edge ต่ำ)
- การเดิมพันฝั่ง Banker: มี House Edge ต่ำที่สุด (ประมาณ 1.06%) แม้จะมีการหักคอมมิชชั่น 5% เมื่อชนะก็ตาม
- การเดิมพันฝั่ง Player: มี House Edge ต่ำเช่นกัน (ประมาณ 1.24%)
อัตราต่อรองที่ต่ำนี้ทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่ามีโอกาสชนะในระยะยาวมากกว่าเกมอื่นๆ ที่มี House Edge สูงลิ่ว
2.3. ภาพลักษณ์ที่หรูหราและเข้าถึงได้ง่าย (Sophistication Meets Accessibility)
ในอดีต บาคาร่าคือเกมสำหรับชนชั้นสูงและบุคคลที่มีชื่อเสียง (เช่น เจมส์ บอนด์ ในภาพยนตร์) ซึ่งสร้างภาพลักษณ์ที่หรูหราและน่าหลงใหล แต่ในยุคของคาสิโนออนไลน์ “บาคาร่าสด” (Live Baccarat) ได้นำเสนอประสบการณ์คาสิโนจริงผ่านหน้าจอ ทำให้ผู้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงเกมที่เคยสงวนไว้สำหรับ “โต๊ะวีไอพี” ได้อย่างง่ายดายตลอด 24 ชั่วโมง
2.4. การใช้เทคนิคและสูตร (The Illusion of Control)
แม้จะเป็นเกมแห่งโอกาส (Luck) แต่ผู้เล่นจำนวนมากเชื่อว่าสามารถใช้ “สูตร” หรือ “เทคนิคการเดินเงิน” เข้ามาช่วยในการตัดสินใจได้ เช่น การสังเกตและจดบันทึก “เค้าไพ่” (รูปแบบการออกผลซ้ำๆ) แม้ในทางสถิติจะไม่ส่งผลต่อผลลัพธ์ในอนาคต แต่ความรู้สึกว่าสามารถ “วิเคราะห์” และ “ควบคุม” การวางเดิมพันได้นี้เอง ที่ทำให้บาคาร่าเป็นเกมที่สนุกและท้าทายจิตวิทยาของผู้เล่น
สรุป: อยากเล่นบาคาร่า ราชันย์แห่งเกมไพ่ที่ตอบโจทย์ยุคดิจิทัล
บาคาร่า คือเกมที่ผสมผสานความเรียบง่ายของกติกา ความเร็วในการทำรอบเล่น และอัตราต่อรองที่ยุติธรรม เข้ากับความสะดวกสบายของการเข้าถึงผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ปัจจัยเหล่านี้เองที่ทำให้บาคาร่ากลายเป็นเกมไพ่ยอดนิยมอันดับ 1 ที่สามารถมอบทั้งความตื่นเต้นและโอกาสในการทำกำไร (หรือขาดทุน) ให้กับผู้เล่นได้ในทุกวินาที

กติกาบาคาร่า ฉบับเข้าใจง่าย: มือใหม่ต้องรู้ก่อนวางเดิมพัน
สำหรับผู้ที่ก้าวเข้าสู่โลกของเกมไพ่คาสิโนออนไลน์ ชื่อของ “บาคาร่า” (Baccarat) คือเกมแรก ๆ ที่ทุกคนควรทำความรู้จัก แม้บาคาร่าจะถูกยกให้เป็นเกมยอดนิยมอันดับ 1 แต่หลายคนอาจคิดว่ามีกติกาที่ซับซ้อน อยากเล่นบาคาร่า แต่ความจริงแล้วบาคาร่าเป็นเกมที่ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะหน้าที่หลักของคุณคือ การทายผล ไม่ใช่การตัดสินใจเล่นไพ่!
บทความนี้ได้สรุป กติกาบาคาร่า ฉบับที่เข้าใจง่ายที่สุด พร้อมเจาะลึกวิธีการนับแต้มและกฎการจั่วไพ่ใบที่สามที่คุณควรรู้ เพื่อให้มือใหม่สามารถวางเดิมพันได้อย่างมั่นใจตั้งแต่ครั้งแรก
1. โครงสร้างการเล่นบาคาร่า: เดิมพัน 3 จุดหลัก
บาคาร่าเป็นเกมที่เล่นโดยเปรียบเทียบแต้มระหว่าง 2 ฝ่ายหลัก โดยผู้เล่นจะไม่ได้เล่นไพ่ด้วยตัวเอง แต่จะทำหน้าที่เป็น “ผู้เดิมพัน” ที่เลือกทายผลลัพธ์ว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ชนะ
คู่หลักในการแข่งขัน:
- Player (เพลเยอร์ / ผู้เล่น): ฝั่งที่มีสีน้ำเงิน
- Banker (แบงค์เกอร์ / เจ้ามือ): ฝั่งที่มีสีแดง
ตัวเลือกการวางเดิมพันหลัก 3 รูปแบบ: อยากเล่นบาคาร่า
- Player (P): ทายว่าฝ่ายผู้เล่นมีแต้มรวมใกล้เคียง 9 มากที่สุด
- Banker (B): ทายว่าฝ่ายเจ้ามือมีแต้มรวมใกล้เคียง 9 มากที่สุด
- Tie (T): ทายว่าทั้งสองฝ่ายมีแต้มรวมเท่ากัน (เสมอ)
หมายเหตุ: โดยทั่วไปแล้ว การเดิมพันฝั่ง Banker จะมีการหักค่าคอมมิชชั่น 5% หากชนะ เพื่อรักษาสมดุลของอัตราต่อรอง เนื่องจากฝั่ง Banker มีโอกาสชนะทางสถิติสูงกว่าเล็กน้อย
2. วิธีการนับแต้มไพ่บาคาร่า: สูตรนับแต้มที่ง่ายที่สุด
เป้าหมายของเกมคือการทำแต้มให้ได้ 9 หรือใกล้เคียง 9 ที่สุด โดยการนับแต้มในบาคาร่านั้นง่ายมาก และแตกต่างจากเกมไพ่อื่น ๆ ดังนี้:
หน้าไพ่ | ค่าแต้มที่ใช้ในบาคาร่า |
A (Ace) | 1 แต้ม |
2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 | มีค่าตามหน้าไพ่ (2-9 แต้ม) |
10, J, Q, K | 0 แต้ม (ศูนย์) |
ส่งออกไปยังชีต
กฎสำคัญ: นับแค่หลักหน่วย
หากผลรวมของไพ่สองหรือสามใบมีค่าเกิน 9 ให้นับเฉพาะตัวเลขหลักหน่วยเท่านั้น เช่น:
- ไพ่ 8 + 5 = 13 → นับเป็น 3 แต้ม
- ไพ่ 10 (0) + 9 = 9 → นับเป็น 9 แต้ม
- ไพ่ 7 + 3 (0) + 4 = 14 → นับเป็น 4 แต้ม
3. กฎการจั่วไพ่ใบที่สาม (Hitting Rule): สิ่งที่มือใหม่ต้องรู้แต่ไม่ต้องจำ
นี่คือส่วนที่ผู้เล่นไม่ต้องกังวล! อยากเล่นบาคาร่า ในการเล่นบาคาร่า ระบบหรือดีลเลอร์จะปฏิบัติตาม “กฎตายตัว” ในการจั่วไพ่ใบที่สาม (ใบสุดท้าย) ซึ่งผู้เล่นไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะจั่วหรือไม่จั่ว
กฎการจั่วไพ่สำหรับ Player (ผู้เล่น)
Player จะได้รับไพ่ใบที่ 3 เมื่อมีแต้มรวมของไพ่ 2 ใบแรกดังนี้:
แต้มรวม 2 ใบแรก (Player) | การตัดสินใจ |
0 – 5 แต้ม | ต้องจั่ว ไพ่ใบที่ 3 |
6 – 7 แต้ม | ไม่ต้องจั่ว (อยู่/Stand) |
8 – 9 แต้ม | ไพ่แนชเชอรัล (Natural) ชนะทันที (เกมจบ) |
ส่งออกไปยังชีต
กฎการจั่วไพ่สำหรับ Banker (เจ้ามือ)
การจั่วไพ่ของ Banker จะซับซ้อนกว่าเล็กน้อย เพราะต้องดูแต้มของตัวเองและไพ่ใบที่ 3 ที่ฝั่ง Player ได้รับ:
แต้มรวม 2 ใบแรก (Banker) | เงื่อนไขการจั่ว (เทียบกับไพ่ใบที่ 3 ของ Player) |
0 – 2 แต้ม | จั่ว ทุกกรณี |
3 แต้ม | จั่ว ยกเว้น Player จั่วได้ 8 |
4 แต้ม | จั่ว เมื่อ Player จั่วได้ 2, 3, 4, 5, 6, 7 |
5 แต้ม | จั่ว เมื่อ Player จั่วได้ 4, 5, 6, 7 |
6 แต้ม | จั่ว เมื่อ Player จั่วได้ 6, 7 |
7 แต้ม | ไม่ต้องจั่ว (อยู่/Stand) |
8 – 9 แต้ม | ไพ่แนชเชอรัล (Natural) ชนะทันที (เกมจบ) |
ส่งออกไปยังชีต
สิ่งที่คุณต้องจำ: ไม่ว่ากฎจะซับซ้อนแค่ไหน ระบบจะดำเนินการให้ทั้งหมด หน้าที่ของคุณคือ เลือกฝั่งเดิมพัน เท่านั้น!
สรุปความเข้าใจ อยากเล่นบาคาร่า: บาคาร่าคือเกมแห่งการทายผล
เมื่อคุณเข้าใจหลักการนับแต้มและรู้ว่าไพ่จะถูกแจกและจั่วตามกฎตายตัวแล้ว คุณจะเห็นว่าบาคาร่าเป็นเกมที่ง่ายมาก สิ่งที่คุณต้องทำก่อนวางเดิมพันมีเพียง 3 ขั้นตอน:
- กำหนดเงินเดิมพัน: เลือกจำนวนเงินที่คุณต้องการวาง
- เลือกจุดเดิมพัน: เลือกว่าจะวางที่ Player, Banker หรือ Tie
- รอผล: รอให้ดีลเลอร์เปิดไพ่และนับแต้มตามกฎ
ด้วยกติกาที่ตรงไปตรงมาและรวดเร็ว ทำให้บาคาร่าเป็นเกมที่เหมาะกับทั้งมือใหม่และผู้เล่นที่ต้องการความตื่นเต้นแบบไม่ยุ่งยาก เมื่อทราบกติกาพื้นฐานเหล่านี้แล้ว คุณก็พร้อมที่จะเข้าสู่สนามบาคาร่าและเริ่มวางเดิมพันได้อย่างมั่นใจได้เลย!

เริ่มต้นเล่นบาคาร่า: 3 ขั้นตอนง่าย ๆ ที่คุณทำตามได้ทันที
บาคาร่า (Baccarat) เป็นเกมไพ่คาสิโนออนไลน์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ด้วยกติกาที่เรียบง่ายและรวดเร็ว ทำให้เป็นตัวเลือกอันดับ 1 สำหรับทั้งนักพนันมือใหม่และมืออาชีพ อยากเล่นบาคาร่า หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากลองสัมผัสประสบการณ์ความตื่นเต้นนี้ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร บทความนี้ได้สรุป 3 ขั้นตอนง่าย ๆ ที่จะพาคุณก้าวเข้าสู่สนามบาคาร่าและวางเดิมพันได้ทันที!
ขั้นตอนที่ 1: เตรียมตัวและเลือกแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือ
ก่อนที่คุณจะเริ่มวางเดิมพันจริง สิ่งสำคัญที่สุดคือการเตรียมความพร้อมด้านพื้นฐาน และการเลือก “บ้าน” ที่คุณจะใช้เล่น
1.1 ทำความเข้าใจกติกาพื้นฐาน (5 นาทีก็พอ!)
อย่างที่คุณทราบ กติกาบาคาร่านั้นง่ายมาก หน้าที่หลักของคุณคือ การทายผล ว่าไพ่ฝ่าย Banker หรือ Player จะมีแต้มรวมใกล้เคียง 9 มากที่สุด หรือจะ Tie (เสมอ) สิ่งที่คุณต้องรู้คือ:
- A-9 มีค่าตามหน้าไพ่
- 10, J, Q, K มีค่าเท่ากับ 0
- หากแต้มรวมเกิน 9 ให้นับเฉพาะหลักหน่วย (เช่น 15 นับเป็น 5)
คุณไม่ต้องจำกฎการจั่วไพ่ใบที่สาม เพราะระบบจะดำเนินการให้อัตโนมัติ
1.2 เลือกคาสิโนออนไลน์ที่ได้มาตรฐาน
ความปลอดภัยต้องมาก่อนเสมอ เลือกแพลตฟอร์มที่มีคุณสมบัติดังนี้:
- มีใบอนุญาต: ตรวจสอบว่าเว็บไซต์มีใบอนุญาตประกอบการที่น่าเชื่อถือ (เช่น PAGCOR, MGA)
- มีระบบ Live Baccarat ที่เสถียร: เพื่อให้การถ่ายทอดสดจากห้องคาสิโนจริงไม่สะดุด
- ระบบฝาก-ถอนที่รวดเร็ว: ทำให้คุณจัดการเงินทุนได้อย่างคล่องตัว
1.3 กำหนดงบประมาณที่ชัดเจน
นี่คือเคล็ดลับสำคัญที่สุดสำหรับการเล่นอย่างยั่งยืน กำหนดวงเงิน ที่คุณพร้อมจะใช้เล่นในแต่ละครั้ง และยึดมั่นในวงเงินนั้นอย่างเคร่งครัด ห้าม นำเงินส่วนอื่น ๆ ที่จำเป็นมาใช้ในการพนันเด็ดขาด
ขั้นตอนที่ 2: เข้าสู่ห้องและเรียนรู้การวางเดิมพัน
เมื่อคุณเลือกแพลตฟอร์มได้แล้ว ก็ถึงเวลาเข้าสู่โลกของเกมบาคาร่าสด (Live Baccarat) ซึ่งเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมที่สุด
2.1 เลือกโต๊ะที่ถูกใจ
ในคาสิโนออนไลน์จะมีห้องบาคาร่าให้เลือกมากมาย โดยทั่วไปแล้วจะมีความแตกต่างกันที่ ขีดจำกัดการเดิมพันขั้นต่ำ/สูงสุด (Minimum/Maximum Bet)
- มือใหม่: ควรเลือกโต๊ะที่มี ขั้นต่ำต่ำที่สุด เพื่อให้คุณมีโอกาสฝึกฝนและทำความเข้าใจจังหวะของเกมโดยไม่แบกรับความเสี่ยงสูง
2.2 ทำความเข้าใจ “เค้าไพ่” (Roadmaps)
เมื่อเข้าไปในห้อง อยากเล่นบาคาร่า คุณจะเห็นตารางสถิติขนาดใหญ่ที่แสดงผลลัพธ์ของรอบก่อนหน้า ซึ่งเรียกกันว่า “เค้าไพ่” แม้ว่าผลลัพธ์ในอดีตจะไม่มีผลต่อผลลัพธ์ในอนาคตตามหลักสถิติ แต่ผู้เล่นส่วนใหญ่ใช้สิ่งนี้เพื่อวิเคราะห์ “แนวโน้ม” หรือ “รูปแบบ” ในการออกไพ่ เช่น:
- เค้าไพ่มังกร: ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะติดต่อกันหลายครั้ง (ยาวเหมือนหางมังกร)
- เค้าไพ่ปิงปอง: ผลัดกันแพ้-ชนะระหว่าง Banker และ Player สลับกันไปมา
2.3 วางชิปเดิมพัน
เมื่อถึงช่วงเวลาให้วางเดิมพัน ให้คุณดำเนินการดังนี้:
- เลือกมูลค่าชิป: คลิกเลือกชิปตามจำนวนเงินที่คุณต้องการเดิมพัน
- คลิกตำแหน่งเดิมพัน: ลากชิปไปวางบนตำแหน่งที่คุณต้องการทายผล (Banker, Player, หรือ Tie)
- ยืนยันการเดิมพัน: กดปุ่ม ‘Confirm’ หรือ ‘ยืนยัน’ ก่อนหมดเวลา
ขั้นตอนที่ 3: รอผลลัพธ์และทำความเข้าใจการจ่ายเงิน
หลังจากหมดเวลาวางเดิมพัน ดีลเลอร์จะเริ่มเปิดไพ่ตามกติกาและประกาศผล
3.1 การแจกไพ่และการเปิดไพ่
- ดีลเลอร์จะแจกไพ่ 2 ใบให้แก่ Player และ 2 ใบให้แก่ Banker
- หากจำเป็นตามกติกา จะมีการจั่วไพ่ใบที่ 3
- ฝ่ายที่มีแต้มรวมใกล้เคียง 9 ที่สุดจะเป็นผู้ชนะ
3.2 อัตราการจ่ายเงินที่คุณจะได้รับ
ตำแหน่งเดิมพัน | อัตราจ่าย (ไม่รวมเงินทุน) | หมายเหตุ |
Player (ผู้เล่น) | 1 : 1 (แทง 100 ได้ 100) | ไม่มีค่าคอมมิชชั่น |
Banker (เจ้ามือ) | 1 : 0.95 (แทง 100 ได้ 95) | มีการหักคอมมิชชั่น 5% |
Tie (เสมอ) | 1 : 8 หรือ 1 : 9 (แล้วแต่คาสิโน) | หากผลออก Tie การเดิมพัน Player/Banker จะได้เงินคืนเต็มจำนวน (Push) |
ส่งออกไปยังชีต
คำแนะนำ: มือใหม่ควรเริ่มต้นเดิมพันที่ Banker หรือ Player เท่านั้น เนื่องจากมีอัตราต่อรองในการชนะสูงกว่าการเดิมพัน Tie อย่างมาก
สรุป: อยากเล่นบาคาร่า เริ่มต้นง่าย ๆ แค่มีความมั่นใจ
บาคาร่าเป็นเกมที่อาศัยโชคเป็นหลักก็จริง แต่การเตรียมตัวที่ดี การเลือกแพลตฟอร์มที่ปลอดภัย และการจัดการเงินทุนที่ชัดเจน คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้การเล่นของคุณสนุกและอยู่ในความควบคุม เมื่อเข้าใจ 3 ขั้นตอนง่าย ๆ นี้แล้ว คุณก็พร้อมที่จะเริ่มต้นความตื่นเต้นกับเกมไพ่ยอดนิยมอันดับ 1 ได้ทันที!

ศัพท์บาคาร่าที่ควรรู้: Banker, Player, Tie Game และความหมาย
การเริ่มต้นเล่น บาคาร่า (Baccarat) นั้นง่ายดาย เพราะมีกฎหลักเพียงไม่กี่ข้อที่ต้องทำความเข้าใจ แต่การจะเข้าถึงเกมได้อย่างเต็มที่และสื่อสารกับผู้เล่นอื่นได้อย่างราบรื่น การรู้ คำศัพท์เฉพาะ ที่ใช้ในโต๊ะบาคาร่าถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
บทความนี้ได้รวบรวมคำศัพท์พื้นฐานและคำศัพท์ที่พบบ่อยในการเล่นบาคาร่า ทั้งในคาสิโนจริงและคาสิโนออนไลน์ เพื่อให้คุณเข้าใจเกมได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นตั้งแต่รอบแรกที่วางเดิมพัน!
1. คำศัพท์หลักในการเดิมพัน (The Core Bets)
นี่คือคำศัพท์ที่คุณจะต้องเจอและใช้บ่อยที่สุด เพราะเป็นตำแหน่งหลักที่คุณจะต้องวางเงินเดิมพัน
คำศัพท์ | ความหมายและการใช้งาน |
Player (เพลเยอร์) | ผู้เล่น หรือ ฝ่ายสีน้ำเงิน เป็นหนึ่งในสองตำแหน่งหลักที่ใช้เปรียบเทียบแต้ม เป็นตัวเลือกการเดิมพันที่คุณทายว่าฝ่ายผู้เล่นจะชนะ |
Banker (แบงค์เกอร์) | เจ้ามือ หรือ ฝ่ายสีแดง เป็นอีกหนึ่งตำแหน่งหลักที่ใช้เปรียบเทียบแต้ม โดยทางสถิติแล้ว ฝั่ง Banker มีโอกาสชนะสูงกว่าเล็กน้อย ดังนั้นหากเดิมพัน Banker ชนะ จะมีการ หักค่าคอมมิชชั่น 5% |
Tie Game (ไท เกม) / Tie Bet | เสมอ เป็นการเดิมพันที่คุณทายว่า แต้มรวมสุดท้ายของ Player และ Banker จะเท่ากันพอดี หากผลออก Tie การเดิมพัน Player และ Banker จะได้รับเงินคืน (เรียกว่า Push) |
Punto Banco | ชื่อเรียกรูปแบบการเล่นบาคาร่าที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลกปัจจุบัน โดย Punto หมายถึง Player และ Banco หมายถึง Banker |
ส่งออกไปยังชีต
2. คำศัพท์เกี่ยวกับไพ่และแต้ม (Card & Point Terms)
คำศัพท์เหล่านี้ช่วยให้คุณเข้าใจสถานะของไพ่และผลลัพธ์ของรอบนั้น ๆ
คำศัพท์ | ความหมายและการใช้งาน |
Natural (แนชเชอรัล) | ไพ่ธรรมชาติ หมายถึง แต้มรวมของไพ่สองใบแรกได้ 8 หรือ 9 แต้มทันที (โดยไม่จำเป็นต้องจั่วใบที่สาม) หากเกิด Natural เกมจะจบลงทันที และฝ่ายที่มีแต้ม Natural ที่สูงกว่าจะเป็นผู้ชนะ |
Hit (ฮิต) | การจั่วไพ่เพิ่ม หรือ การขอไพ่ หมายถึงการตัดสินใจรับไพ่ใบที่สาม (ซึ่งในบาคาร่าผู้เล่นไม่ต้องตัดสินใจเอง เพราะมีกฎตายตัวควบคุมการจั่ว) |
Stand (สแตนด์) | การอยู่ หรือ ไม่จั่วเพิ่ม หมายถึงการตัดสินใจที่จะไม่รับไพ่ใบที่สาม (เกิดขึ้นเมื่อแต้มรวมของไพ่ 2 ใบแรกคือ 6 หรือ 7 แต้ม) |
Shoe (ชู) | กล่องใส่ไพ่ หรือ อุปกรณ์แจกไพ่ ซึ่งบรรจุไพ่หลายสำรับ (ปกติคือ 6 หรือ 8 สำรับ) |
Discard Tray | ถาดทิ้งไพ่ เป็นกล่องที่ใช้เก็บไพ่ที่ถูกเล่นไปแล้วในแต่ละรอบ |
House Edge | อัตราได้เปรียบของคาสิโน คือตัวเลขที่บอกว่าคาสิโนมีโอกาสชนะในระยะยาวเท่าไหร่ (ในบาคาร่า Banker มี House Edge ต่ำที่สุด) |
ส่งออกไปยังชีต
3. คำศัพท์เกี่ยวกับเค้าไพ่และกลยุทธ์ (Roads & Strategy Terms)
แม้บาคาร่าจะอาศัยโชค แต่ผู้เล่นส่วนใหญ่นิยมใช้การวิเคราะห์ “รูปแบบ” อยากเล่นบาคาร่า การออกผลลัพธ์ ซึ่งมีศัพท์เฉพาะเรียกที่น่าสนใจ
คำศัพท์ | ความหมายและการใช้งาน |
Roads (โร้ดส์) / Ke Lao | เค้าไพ่ หรือ ตารางบันทึกสถิติผลลัพธ์ เป็นตารางแสดงผลการออกไพ่ในรอบก่อนหน้า เพื่อให้ผู้เล่นใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้มการออกไพ่ในรอบถัดไป |
Big Road (บิ๊กโร้ด) | เค้าไพ่หลัก เป็นตารางสถิติที่บันทึกผลการชนะของ Banker (สีแดง) และ Player (สีน้ำเงิน) โดยละเอียด |
Bead Plate (บีด เพลท) | เค้าไพ่แบบลูกปัด เป็นตารางสถิติที่แสดงผลลัพธ์ของแต่ละรอบเรียงตามลำดับจากบนลงล่างและซ้ายไปขวา (บางครั้งเรียกว่า Big Eye Boy หรือ Small Road ซึ่งเป็นเค้าไพ่รอง) |
Commission (คอมมิชชั่น) | ค่าธรรมเนียม หรือ ค่าต๋ง คือ 5% ที่คาสิโนจะหักออกจากการเดิมพันฝั่ง Banker เมื่อชนะ |
Coup (คูป) | หนึ่งรอบเกม หรือ หนึ่งตา ในการเล่นบาคาร่า ตั้งแต่การแจกไพ่จนถึงการประกาศผล |
Mark | ชิป หรือ เหรียญ ที่ใช้สำหรับวางเดิมพันบนโต๊ะบาคาร่า |
Push | คืนเงินเดิมพัน ใช้ในกรณีที่ผลออก Tie ผู้ที่วางเดิมพันในฝั่ง Banker หรือ Player จะได้รับเงินเดิมพันคืนเต็มจำนวน |
ส่งออกไปยังชีต
สรุป: การรู้ศัพท์ช่วยเพิ่มความสนุก
การทำความเข้าใจคำศัพท์พื้นฐานเหล่านี้ เช่น Banker, Player, Tie, และ Natural จะทำให้คุณสามารถติดตามเกมได้อย่างราบรื่นและเข้าใจสถานการณ์บนโต๊ะได้อย่างรวดเร็ว
เปิด 5 กลยุทธ์บาคาร่า ยอดนิยม ที่เซียนพนันเลือกใช้
บาคาร่าเป็นเกมที่อาศัย โชค (Chance) เป็นหลัก แต่สิ่งที่ทำให้เกมนี้ยังคงเป็นที่นิยมสูงสุดคือความเชื่อที่ว่า “กลยุทธ์” สามารถช่วยให้ผู้เล่นบริหารเงินทุนและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ในระยะสั้น เซียนพนันส่วนใหญ่มักจะไม่ได้ใช้แค่ดวง แต่จะใช้ระบบการเดินเงิน (Betting System) ที่เป็นที่ยอมรับในวงการเพื่อควบคุมความเสี่ยง
บทความนี้จะเปิดเผย 5 กลยุทธ์บาคาร่า ยอดนิยมที่ถูกนำมาใช้มากที่สุด โดยแบ่งเป็นกลุ่ม “ระบบก้าวหน้า” และ “กลยุทธ์พื้นฐาน”
กลุ่มที่ 1: กลยุทธ์แบบ “Negative Progression” (เพิ่มเงินเมื่อแพ้)
ระบบเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อ อยากเล่นบาคาร่า ชดเชยการสูญเสีย โดยการเพิ่มเงินเดิมพันเมื่อแพ้ โดยมีเป้าหมายคือการได้ทุนคืนทั้งหมดพร้อมกำไรหนึ่งหน่วยเมื่อชนะในที่สุด อย่างไรก็ตาม ระบบนี้จำเป็นต้องใช้เงินทุน (Bankroll) ที่มากพอสมควร
1. กลยุทธ์ Martingale (มาร์ติงเกล)
นี่คือระบบการเดินเงินที่โด่งดังที่สุดและถูกนำมาใช้ในเกมที่ให้ผลตอบแทน 1:1
- หลักการ: เพิ่มเงินเดิมพันเป็น 2 เท่าทุกครั้งที่แพ้
- เมื่อชนะ: กลับไปเดิมพันด้วยจำนวนเงินเริ่มต้น (Base Bet)
- ข้อดี: ในทางทฤษฎี คุณจะได้รับทุนคืนทั้งหมดพร้อมกำไรหนึ่งหน่วยเสมอเมื่อชนะ (ตราบใดที่คุณมีเงินไม่จำกัดและโต๊ะไม่มีลิมิตสูงสุด)
- ข้อควรระวัง: เป็นกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงสูง เพราะหากเจอ ‘Streak of Loss’ (แพ้ติดต่อกันหลายครั้ง) เงินเดิมพันจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก จนอาจชนเพดานเดิมพันสูงสุดของโต๊ะ (Table Limit) หรือทำให้เงินทุนหมดก่อน
2. กลยุทธ์ Fibonacci (ฟีโบนัชชี)
กลยุทธ์นี้ใช้หลักการทางคณิตศาสตร์จาก ลำดับฟีโบนัชชี (เลขถัดไปคือผลรวมของเลขสองตัวก่อนหน้า เช่น 1, 1, 2, 3, 5, 8, 13…) ถือเป็นทางเลือกที่เสี่ยงน้อยกว่า Martingale เล็กน้อย
- หลักการ: เมื่อแพ้ ให้เลื่อนไปวางเดิมพันตามตัวเลขถัดไปในลำดับ
- เมื่อชนะ: ให้ย้อนกลับไป 2 ตำแหน่ง ในลำดับ
- ข้อดี: การเพิ่มเงินเดิมพันจะค่อยเป็นค่อยไป ทำให้คุณจัดการกับช่วงที่แพ้ติดต่อกันได้ดีกว่า Martingale
- ข้อควรระวัง: ระบบนี้ไม่ได้การันตีว่าคุณจะทำกำไรเสมอไป และยังคงต้องใช้เงินทุนจำนวนมากหากต้องเผชิญกับแพ้หลายตาติดต่อกัน
กลุ่มที่ 2: กลยุทธ์แบบ “Positive Progression” (เพิ่มเงินเมื่อชนะ)
ระบบเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อ เพิ่มกำไรสูงสุด เมื่ออยู่ในช่วงที่กำลังชนะ (Winning Streak) โดยมีความเสี่ยงต่ำต่อเงินทุนเริ่มต้น เนื่องจากคุณใช้เงินกำไรที่ได้มาในการเดิมพันรอบถัดไป
3. กลยุทธ์ Paroli (พาโรลี่) หรือ Reverse Martingale
Paroli คือการเล่นตรงข้ามกับ Martingale โดยสิ้นเชิง
- หลักการ: เพิ่มเงินเดิมพันเป็น 2 เท่าทุกครั้งที่ชนะ
- เมื่อแพ้: กลับไปเดิมพันด้วยจำนวนเงินเริ่มต้น (Base Bet) บาคาร่าค่ายไหนแตกดี
- เป้าหมาย: ส่วนใหญ่นิยมตั้งเป้าไว้ที่การชนะ 3 ครั้งติดต่อกัน (เช่น แทง 1 หน่วย → ชนะ → แทง 2 หน่วย → ชนะ → แทง 4 หน่วย → ชนะ → Reset) บาคาร่า vs เสือมังกร
- ข้อดี: หากคุณแพ้ คุณจะเสียเพียงเงินเดิมพันเริ่มต้นเท่านั้น และสามารถใช้ประโยชน์จากช่วงที่ชนะติดต่อกันได้สูงสุด สูตรบาคาร่า
- ข้อควรระวัง: หากแพ้เพียงครั้งเดียวในระหว่างการเพิ่มเงิน กำไรที่สะสมมาจะหายไปทันที
4. กลยุทธ์ 1-3-2-6 System
นี่คือระบบการเดินเงินแบบ Positive Progression ที่มีการกำหนดจำนวนหน่วยการเดิมพันที่แน่นอน เพื่อให้มีความเสี่ยงที่จำกัด
- หลักการ: เมื่อชนะติดต่อกัน ให้วางเดิมพันตามลำดับ 1 หน่วย, 3 หน่วย, 2 หน่วย, และ 6 หน่วย
- เมื่อแพ้: กลับไปเริ่มต้นที่ 1 หน่วยเสมอ
- ข้อดี: อยากเล่นบาคาร่า ระบบนี้ถูกออกแบบมาให้การเสียที่ใหญ่ที่สุดคือในรอบที่ 4 หากแพ้ในรอบที่ 1, 2, หรือ 3 กำไรสะสมจะยังคงอยู่
- ตัวอย่าง: ชนะในรอบที่ 1-2-3-4 คุณจะได้กำไรถึง 12 หน่วย
- ข้อควรระวัง: หากคุณไปถึงรอบที่ 4 (6 หน่วย) แล้วแพ้ คุณจะเสียกำไรทั้งหมดที่ทำมาใน 3 รอบก่อนหน้า
กลุ่มที่ 3: กลยุทธ์พื้นฐานที่สำคัญที่สุด
ไม่ว่าคุณจะใช้ระบบเดินเงินแบบใดก็ตาม กลยุทธ์พื้นฐาน เหล่านี้คือสิ่งที่เซียนพนันทุกคนยึดถือเป็นอันดับแรก
5. กลยุทธ์ “Bet on Banker” (เดิมพันที่เจ้ามือ)
นี่ไม่ใช่ระบบการเดินเงิน แต่เป็น หลักการเดิมพัน ที่สำคัญที่สุดในบาคาร่า
- หลักการ: เลือกวางเดิมพันที่ฝั่ง Banker (เจ้ามือ) เป็นหลัก
- เหตุผล: ทางสถิติแล้ว ฝั่ง Banker มีโอกาสชนะสูงกว่าฝั่ง Player เสมอ เนื่องจากกฎการจั่วไพ่ใบที่สามของ Banker ถูกออกแบบมาให้มีความได้เปรียบเล็กน้อย (House Edge เพียง 1.06% เทียบกับ Player ที่ 1.24%)
- การจ่ายเงิน: แม้ว่าการชนะฝั่ง Banker จะถูกหักค่าคอมมิชชั่น 5% แต่โดยรวมแล้วถือเป็นการเดิมพันที่มีอัตราต่อรองที่ดีที่สุดในเกม
สรุป: กลยุทธ์ไม่ได้การันตีชัยชนะ
สิ่งสำคัญที่ผู้เล่นทุกคนต้องจำไว้คือ บาคาร่าเป็นเกมแห่งโอกาส และ ไม่มีกลยุทธ์ใดที่สามารถรับประกันชัยชนะในระยะยาวได้ 100% ระบบเดินเงินเหล่านี้เป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยให้คุณ จัดการเงินทุน และ จัดการความเสี่ยง ได้อย่างมีระเบียบวินัยเท่านั้น
กุญแจสู่ความสำเร็จในการเล่นบาคาร่าอยู่ที่:
- การควบคุมอารมณ์
- การตั้งเป้าหมายกำไร/จำกัดการขาดทุน
- การเลือกเดิมพันฝั่ง Banker เป็นหลัก
เมื่อคุณนำทั้ง 5 กลยุทธ์นี้ไปปรับใช้ร่วมกับการวางแผนการเงินที่ดี อยากเล่นบาคาร่า การเล่นบาคาร่าของคุณก็จะมีความเป็นระบบและมีโอกาสทำกำไรได้มากขึ้นอย่างแน่นอน