กติกาบาคาร่า

กติกาบาคาร่า

กติกาบาคาร่าคืออะไร? เข้าใจง่าย เล่นเป็นไว!

บาคาร่า เป็นหนึ่งในเกมไพ่ยอดนิยมตลอดกาลในคาสิโนออนไลน์ ด้วยรูปแบบการเล่นที่เรียบง่ายและรวดเร็ว ทำให้ไม่น่าแปลกใจที่นักพนันจำนวนมากให้ความสนใจ แต่ก่อนที่จะเริ่มวางเดิมพัน คุณจำเป็นต้องเข้าใจ กติกาบาคาร่า อย่างถ่องแท้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการชนะและสนุกกับเกมได้อย่างเต็มที่

บาคาร่าเล่นยังไง? เข้าใจพื้นฐานง่ายๆ

หัวใจหลักของ บาคาร่า คือการเดิมพันว่าฝ่ายไหนจะมีแต้มรวมใกล้เคียง 9 มากที่สุด ระหว่าง “ผู้เล่น” (Player) หรือ “เจ้ามือ” (Banker) หรือจะออก “เสมอ” (Tie) โดยในแต่ละรอบ ผู้เล่นและเจ้ามือจะได้รับไพ่อย่างน้อย 2 ใบ และไม่เกิน 3 ใบ

การนับแต้มไพ่บาคาร่า
การนับแต้มในบาคาร่ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดังนี้:

ไพ่ A (เอซ): มีค่าเท่ากับ 1 แต้ม
ไพ่ 2-9: มีค่าตามหน้าไพ่
ไพ่ 10, J, Q, K: มีค่าเท่ากับ 0 แต้ม

ตัวอย่างการนับแต้ม: กติกาบาคาร่า

ถ้าได้ไพ่ 7 กับ 8 รวมกันได้ 15 แต้ม ให้นับแค่เลขท้ายคือ 5 แต้ม
ถ้าได้ไพ่ K กับ 3 รวมกันได้ 3 แต้ม
ถ้าได้ไพ่ A กับ 9 รวมกันได้ 0 แต้ม
กติกาการจั่วไพ่ใบที่สาม (Hitting Rules)
นี่คือจุดที่หลายคนอาจจะงงเล็กน้อย แต่ถ้าทำความเข้าใจแล้วจะง่ายมาก การจั่วไพ่ใบที่สามในบาคาร่าไม่ได้ขึ้นอยู่กับผู้เล่นตัดสินใจเอง แต่เป็นไปตามกฎที่กำหนดไว้ล่วงหน้าสำหรับทั้งสองฝ่าย:

กฎการจั่วไพ่ของ “ผู้เล่น” (Player)
แต้มรวม 0-5: ผู้เล่นต้องจั่วไพ่เพิ่ม 1 ใบ
แต้มรวม 6-7: ผู้เล่นอยู่ (ไม่จั่วเพิ่ม)
แต้มรวม 8-9: ผู้เล่นป๊อก (ไม่ต้องจั่วเพิ่ม) และถือเป็นแต้มสูงสุด
กฎการจั่วไพ่ของ “เจ้ามือ” (Banker)
การจั่วไพ่ของเจ้ามือจะซับซ้อนกว่าเล็กน้อย โดยจะขึ้นอยู่กับแต้มรวมของเจ้ามือเอง และไพ่ใบที่สามที่ผู้เล่นจั่วได้ (ถ้ามี)

แต้มรวม 0-2: เจ้ามือจั่วไพ่เพิ่ม 1 ใบเสมอ
แต้มรวม 3: เจ้ามือจั่วเพิ่ม 1 ใบ ยกเว้น ผู้เล่นจั่วได้ 8 แต้ม
แต้มรวม 4: เจ้ามือจั่วเพิ่ม 1 ใบ เมื่อ ผู้เล่นจั่วได้ 2, 3, 4, 5, 6, 7 แต้ม
แต้มรวม 5: เจ้ามือจั่วเพิ่ม 1 ใบ เมื่อ ผู้เล่นจั่วได้ 4, 5, 6, 7 แต้ม
แต้มรวม 6: เจ้ามือจั่วเพิ่ม 1 ใบ เมื่อ ผู้เล่นจั่วได้ 6, 7 แต้ม
แต้มรวม 7: เจ้ามืออยู่ (ไม่จั่วเพิ่ม)
แต้มรวม 8-9: เจ้ามือป๊อก (ไม่ต้องจั่วเพิ่ม) และถือเป็นแต้มสูงสุด
อัตราการจ่ายเงินบาคาร่า
เดิมพัน “ผู้เล่น” (Player) ชนะ: จ่าย 1:1
เดิมพัน “เจ้ามือ” (Banker) ชนะ: จ่าย 1:1 แต่จะมีการหักคอมมิชชั่น 5% (บางคาสิโนอาจไม่หัก)
เดิมพัน “เสมอ” (Tie) ชนะ: จ่าย 8:1 หรือ 9:1 ขึ้นอยู่กับคาสิโน
เดิมพัน “ผู้เล่นออกคู่” (Player Pair): ไพ่สองใบแรกของผู้เล่นเป็นไพ่คู่ จ่าย 11:1
เดิมพัน “เจ้ามือออกคู่” (Banker Pair): ไพ่สองใบแรกของเจ้ามือเป็นไพ่คู่ จ่าย 11:1

สรุป
การเข้าใจ กติกาบาคาร่า ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพียงแค่รู้เรื่องการนับแต้ม และกฎการจั่วไพ่ใบที่สามของทั้งสองฝ่าย คุณก็พร้อมที่จะเข้าร่วมโต๊ะบาคาร่าแล้ว แม้ว่าเกมนี้จะขึ้นอยู่กับโชคเป็นส่วนใหญ่ แต่การรู้กติกาอย่างละเอียดจะช่วยให้คุณตัดสินใจวางเดิมพันได้อย่างมั่นใจและเพิ่มอรรถรสในการเล่นมากยิ่งขึ้น

กติกาบาคาร่า

รูปแบบการวางเดิมพันในบาคาร่า: เทคนิคเพิ่มโอกาสชนะที่คุณควรรู้

บาคาร่า เป็นเกมคาสิโนที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ด้วยความเรียบง่ายและรวดเร็ว ทำให้ผู้เล่นจำนวนมากหลงใหล อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากการเข้าใจ กติกาบาคาร่า แล้ว การเรียนรู้ รูปแบบการวางเดิมพันในบาคาร่า ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณมีแนวทางในการเล่น และอาจเพิ่มโอกาสในการชนะเดิมพันได้

แม้ว่าบาคาร่าจะเป็นเกมที่อาศัยโชคเป็นหลัก แต่การใช้กลยุทธ์การเดิมพันบางอย่างก็สามารถช่วยให้คุณจัดการเงินทุนและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ดีขึ้น

รูปแบบการวางเดิมพันหลักในบาคาร่า

โดยทั่วไป การวางเดิมพันในบาคาร่าจะมีอยู่ 3 รูปแบบหลักที่คุณสามารถเลือกได้:

การวางเดิมพัน “ผู้เล่น” (Player):
นี่คือการเดิมพันว่าฝั่งผู้เล่นจะมีแต้มรวมใกล้เคียง 9 มากที่สุด การเดิมพันฝั่งผู้เล่นจะได้รับอัตราการจ่าย 1:1 หากชนะ ถือเป็นการเดิมพันที่มีความเสี่ยงต่ำและเป็นที่นิยมสำหรับผู้เริ่มต้น

กติกาบาคาร่า การวางเดิมพัน “เจ้ามือ” (Banker):
เป็นการเดิมพันว่าฝั่งเจ้ามือจะมีแต้มรวมใกล้เคียง 9 มากที่สุด การเดิมพันฝั่งเจ้ามือก็ได้รับอัตราการจ่าย 1:1 เช่นกัน แต่โดยปกติแล้ว หากชนะการเดิมพันฝั่งเจ้ามือ จะมีการ หักค่าคอมมิชชั่น 5% เพื่อชดเชยความได้เปรียบที่ฝั่งเจ้ามือมีโอกาสชนะบ่อยกว่าทางสถิติ แม้จะมีการหักคอมมิชชั่น แต่การเดิมพันฝั่งเจ้ามือยังคงเป็นตัวเลือกที่หลายคนนิยม เนื่องจากมีอัตราการได้เปรียบของคาสิโน (House Edge) ต่ำที่สุด

การวางเดิมพัน “เสมอ” (Tie):
เป็นการเดิมพันว่าทั้งสองฝ่าย (ผู้เล่นและเจ้ามือ) จะมีแต้มรวมเท่ากัน การเดิมพันเสมอมีอัตราการจ่ายที่สูงกว่ามาก มักจะอยู่ที่ 8:1 หรือ 9:1 ขึ้นอยู่กับคาสิโน อย่างไรก็ตาม การเดิมพันรูปแบบนี้มีความเสี่ยงสูงมาก เนื่องจากโอกาสที่จะเกิดผลเสมอมีน้อยกว่าการที่ผู้เล่นหรือเจ้ามือชนะอย่างชัดเจน

รูปแบบการวางเดิมพันเสริม (Side Bets)
นอกจากรูปแบบการเดิมพันหลักแล้ว บาคาร่าบางโต๊ะยังมีการเดิมพันเสริม หรือ Side Bets ให้เลือกเพิ่มความสนุกและโอกาสในการชนะที่แตกต่างกันไป:

“ผู้เล่นออกคู่” (Player Pair):
เดิมพันว่าไพ่สองใบแรกของฝั่งผู้เล่นจะเป็นไพ่คู่ เช่น 4-4, K-K อัตราการจ่ายมักจะอยู่ที่ 11:1

“เจ้ามือออกคู่” (Banker Pair):
เดิมพันว่าไพ่สองใบแรกของฝั่งเจ้ามือจะเป็นไพ่คู่ อัตราการจ่ายจะอยู่ที่ 11:1 เช่นกัน

“ไพ่คู่สมบูรณ์” (Perfect Pair):
เดิมพันว่าไพ่สองใบแรกของฝั่งผู้เล่นหรือเจ้ามือจะเป็นไพ่คู่ที่เหมือนกันทั้งหน้าไพ่และดอก (เช่น 8 โพแดงคู่กับ 8 โพแดง) การจ่ายรางวัลจะสูงมาก อาจจะถึง 25:1 เลยทีเดียว

“ใหญ่” (Big) / “เล็ก” (Small): กติกาบาคาร่า

Big: เดิมพันว่าในรอบนั้นจะมีไพ่ถูกแจกรวมกัน 5 หรือ 6 ใบ (คือมีการจั่วไพ่ใบที่ 3 เกิดขึ้น)
Small: เดิมพันว่าในรอบนั้นจะมีไพ่ถูกแจกรวมกัน 4 ใบ (คือไม่มีการจั่วไพ่ใบที่ 3 เกิดขึ้น)

“โบนัสบาคาร่า” (Baccarat Bonus):
เป็นการเดิมพันแบบพิเศษที่จ่ายเงินรางวัลตามผลต่างของแต้มที่ชนะ หรือเมื่อเกิดไพ่ป๊อก ตัวอย่างเช่น หากผู้เล่นชนะด้วยแต้ม 9 และเจ้ามือได้ 0 แต้ม ก็จะได้รับเงินรางวัลโบนัสที่สูง

เคล็ดลับในการเลือกรูปแบบการเดิมพัน
สำหรับมือใหม่: เน้นเดิมพัน “ผู้เล่น” หรือ “เจ้ามือ” เป็นหลัก เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำและมีโอกาสชนะสูงกว่า
หลีกเลี่ยงการเดิมพัน “เสมอ”: แม้จะจ่ายสูง แต่อัตราการออกผลเสมอนั้นน้อยมากในระยะยาว การเดิมพันนี้ไม่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการทำกำไร
พิจารณา House Edge: การเดิมพันฝั่ง “เจ้ามือ” มี House Edge ต่ำที่สุด ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในเชิงสถิติ (แม้จะมีการหักคอมมิชชั่น)
Side Bets เพื่อความสนุก: การเดิมพันเสริมเพิ่มความตื่นเต้น แต่ก็มีความเสี่ยงสูง ควรใช้เมื่อคุณมีงบประมาณเหลือเฟือและต้องการเพิ่มความหลากหลายในการเล่น

สรุป กติกาบาคาร่า
การทำความเข้าใจ รูปแบบการวางเดิมพันในบาคาร่า จะช่วยให้คุณมีกลยุทธ์และควบคุมการเล่นได้ดีขึ้น ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้เล่นหน้าใหม่หรือผู้มีประสบการณ์ การเลือกรูปแบบการเดิมพันที่เหมาะสมกับสไตล์การเล่นและความเสี่ยงที่คุณรับได้ จะนำไปสู่ประสบการณ์การเล่นบาคาร่าที่สนุกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

กติกาบาคาร่า

วิธีการแจกไพ่ในบาคาร่า: ทำความเข้าใจขั้นตอนสำคัญในเกม

บาคาร่า เป็นหนึ่งในเกมไพ่ยอดนิยมที่เล่นง่ายและรวดเร็ว แต่เบื้องหลังความเรียบง่ายนั้น มี วิธีการแจกไพ่ในบาคาร่า ที่เป็นระบบและเป็นหัวใจสำคัญของเกม การทำความเข้าใจขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมของเกมได้ชัดเจนขึ้น และสนุกกับการเดิมพันได้อย่างมั่นใจ

กติกาบาคาร่า อุปกรณ์สำคัญในการแจกไพ่บาคาร่า

ก่อนจะเริ่มแจกไพ่ สิ่งสำคัญที่ต้องรู้จักคืออุปกรณ์ที่ใช้:

ไพ่: โดยทั่วไป บาคาร่าจะใช้ไพ่ 6-8 สำรับรวมกันอยู่ใน “กล่องไพ่” หรือที่เรียกว่า “Shoe” (รองเท้า)
Shoe (กล่องไพ่): เป็นอุปกรณ์สำหรับใส่ไพ่ที่ถูกสับรวมกันแล้ว ใช้ในการแจกไพ่ออกมาทีละใบอย่างเป็นระเบียบ เพื่อความเป็นธรรมและป้องกันการโกง
Dealer/Croupier: เจ้าหน้าที่คาสิโนผู้รับผิดชอบในการสับไพ่ แจกไพ่ และดำเนินเกม
ขั้นตอนการแจกไพ่ในบาคาร่า
การแจกไพ่ในบาคาร่าแต่ละรอบ (Coup) มีขั้นตอนที่ชัดเจนและเป็นมาตรฐานสากล:

การสับไพ่และการใส่ไพ่ใน Shoe:
ในตอนเริ่มต้นเกม ดีลเลอร์จะทำการสับไพ่ทั้งหมด (6-8 สำรับ) อย่างละเอียดถี่ถ้วน จากนั้นจะนำไพ่ทั้งหมดใส่ลงในกล่อง Shoe โดยหงายไพ่ใบแรกขึ้น เพื่อกำหนดจำนวนไพ่ที่จะต้องถูก “เผา” ทิ้ง (Burn Card) โดยนับตามแต้มหน้าไพ่ใบแรก (ไพ่ J, Q, K, 10 จะนับเป็น 10 ใบ, A นับเป็น 1 ใบ) หลังจากเผาไพ่ ดีลเลอร์จะแทรกไพ่ “Cut Card” (ไพ่ตัด) สีแดงเข้าไปประมาณ 16-17 ใบสุดท้ายของ Shoe เมื่อถึงไพ่ใบนี้ จะหมายความว่าจะไม่ทำการแจกไพ่ต่อ แต่จะรอให้จบรอบนั้น แล้วจึงเปลี่ยนไพ่ชุดใหม่

การวางเดิมพัน: กติกาบาคาร่า
เมื่อไพ่พร้อมใน Shoe ผู้เล่นจะมีเวลาช่วงสั้นๆ ในการตัดสินใจวางเดิมพันในช่องต่างๆ บนโต๊ะ ไม่ว่าจะเป็น “ผู้เล่น” (Player), “เจ้ามือ” (Banker), “เสมอ” (Tie) หรือเดิมพันเสริมอื่นๆ (Side Bets) เช่น Player Pair, Banker Pair

การแจกไพ่ 2 ใบแรก:
เมื่อหมดเวลาวางเดิมพัน ดีลเลอร์จะเริ่มแจกไพ่จาก Shoe โดยหงายหน้าไพ่ขึ้นทีละใบ สลับกันไประหว่างฝั่ง “ผู้เล่น” (Player) และ “เจ้ามือ” (Banker) ตามลำดับดังนี้:

ใบที่ 1: แจกให้ฝั่ง ผู้เล่น
ใบที่ 2: แจกให้ฝั่ง เจ้ามือ
ใบที่ 3: แจกให้ฝั่ง ผู้เล่น
ใบที่ 4: แจกให้ฝั่ง เจ้ามือ ทำให้ทั้งสองฝ่ายมีไพ่ในมือฝ่ายละ 2 ใบ
การตรวจสอบแต้มและพิจารณาการจั่วไพ่ใบที่สาม:
หลังจากแจกไพ่ 2 ใบแรกของทั้งสองฝ่ายแล้ว ดีลเลอร์จะทำการรวมแต้มของแต่ละฝ่าย หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมี แต้มรวม 8 หรือ 9 (เรียกว่า “ป๊อก” หรือ “Natural”) เกมจะจบทันที และฝ่ายที่มีแต้มสูงกว่าจะเป็นผู้ชนะ

หากไม่มีฝ่ายใดป๊อก ดีลเลอร์จะดำเนินการตาม กฎการจั่วไพ่ใบที่สาม ที่กำหนดไว้ตายตัวสำหรับบาคาร่า ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจของผู้เล่นหรือดีลเลอร์แต่อย่างใด:

ฝั่ง “ผู้เล่น” (Player): จะพิจารณาจั่วไพ่ก่อน หากแต้มรวม 0-5 จะจั่วไพ่เพิ่ม 1 ใบ หากได้ 6-7 จะอยู่ ไม่จั่วเพิ่ม
ฝั่ง “เจ้ามือ” (Banker): การจั่วไพ่ของเจ้ามือจะขึ้นอยู่กับแต้มของเจ้ามือเอง และไพ่ใบที่สามที่ผู้เล่นจั่วได้ (หากผู้เล่นจั่วเพิ่ม) กฎนี้ค่อนข้างซับซ้อน แต่ดีลเลอร์จะเป็นผู้ดำเนินการตามกฎโดยอัตโนมัติ
การแจกไพ่ใบที่สาม (หากมีการจั่ว):
หากตามกฎกำหนดให้มีการจั่วไพ่ใบที่สาม ดีลเลอร์ก็จะแจกไพ่เพิ่มให้ตามลำดับที่จำเป็น

การตัดสินผลและการจ่ายเงิน:
เมื่อไม่มีการจั่วไพ่เพิ่มแล้ว ดีลเลอร์จะประกาศผลว่าฝ่ายใดมีแต้มรวมใกล้เคียง 9 มากที่สุด ฝ่ายนั้นจะเป็นผู้ชนะ จากนั้นก็จะดำเนินการจ่ายเงินรางวัลให้กับผู้ที่วางเดิมพันถูกต้อง

ความสำคัญของการแจกไพ่ในบาคาร่า
วิธีการแจกไพ่ที่เป็นระบบในบาคาร่าเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เกมมีความยุติธรรมและโปร่งใส ผู้เล่นไม่สามารถควบคุมผลลัพธ์ของไพ่ได้โดยตรง ทำให้เกมนี้เป็นเกมที่ต้องอาศัยโชคเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม การเข้าใจกระบวนการทั้งหมดนี้จะช่วยให้คุณติดตามเกมได้ง่ายขึ้น และมั่นใจว่าเกมดำเนินไปอย่างถูกต้องตาม กติกาบาคาร่า

กติกาบาคาร่า

กติกาการจั่วไพ่ใบที่สามในบาคาร่า: หัวใจสำคัญที่มือใหม่ควรรู้!

สำหรับนักพนันมือใหม่ที่กำลังทำความเข้าใจ กติกาบาคาร่า หนึ่งในจุดที่อาจจะสับสนได้ง่ายคือ กติกาการจั่วไพ่ใบที่สาม เพราะในเกมนี้ การจั่วไพ่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้เล่น แต่เป็นไปตามกฎตายตัวที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า บทความนี้จะมาไขข้อกระจ่างให้คุณเข้าใจหลักการนี้อย่างละเอียด เพื่อให้คุณเล่นบาคาร่าได้อย่างมืออาชีพมากขึ้น

ทำไมต้องมีกติกาการจั่วไพ่ใบที่สาม?

บาคาร่าเป็นเกมที่ออกแบบมาให้มีความยุติธรรมและโปร่งใส การมีกฎการจั่วไพ่ที่ตายตัวช่วยลดโอกาสในการโกงและทำให้เกมดำเนินไปอย่างเป็นระบบ โดยมีเป้าหมายคือการหาฝ่ายที่มีแต้มรวมใกล้เคียง 9 มากที่สุด หลังจากแจกไพ่ 2 ใบแรกแล้ว หากไม่มีฝ่ายใดมีแต้ม “ป๊อก” (8 หรือ 9 แต้ม) ก็จะต้องพิจารณาจั่วไพ่ใบที่สามตามกฎที่กำหนดไว้

กติกาการจั่วไพ่ใบที่สามของ “ผู้เล่น” (Player)
ฝั่งผู้เล่นจะเป็นฝ่ายที่พิจารณาจั่วไพ่ก่อนเสมอ กฎนั้นง่ายมาก:

แต้มรวม 0, 1, 2, 3, 4, 5: ผู้เล่น ต้อง จั่วไพ่เพิ่ม 1 ใบ
แต้มรวม 6, 7: ผู้เล่น อยู่ (ไม่ต้องจั่วไพ่เพิ่ม)
แต้มรวม 8, 9: ผู้เล่น ป๊อก (ถือเป็นแต้มสูงสุด ไม่ต้องจั่วเพิ่ม และชนะทันทีหากฝั่งเจ้ามือไม่ป๊อก 8 หรือ 9 เท่ากัน)

ตัวอย่าง: กติกาบาคาร่า

ผู้เล่นได้ไพ่ 2 ใบแรกรวมกันได้ 4 แต้ม 👉 ผู้เล่นต้องจั่วไพ่ใบที่สาม
ผู้เล่นได้ไพ่ 2 ใบแรกรวมกันได้ 7 แต้ม 👉 ผู้เล่นไม่ต้องจั่วไพ่ใบที่สาม
กติกาการจั่วไพ่ใบที่สามของ “เจ้ามือ” (Banker)
กฎการจั่วไพ่ของฝั่งเจ้ามือจะซับซ้อนกว่าเล็กน้อย เพราะต้องพิจารณาจาก แต้มรวมของเจ้ามือ และ ไพ่ใบที่สามที่ผู้เล่นจั่วได้ (ถ้ามี) ดังนี้:

การคำนวณแต้มใน กติกาบาคาร่า: หัวใจสำคัญของการเล่นที่แม่นยำ

บาคาร่า เป็นเกมไพ่ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในคาสิโนออนไลน์ ด้วยกติกาที่เรียบง่ายและรวดเร็ว แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เล่นทุกคนต้องทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้คือ การคำนวณแต้มในบาคาร่า เพราะนี่คือหัวใจหลักที่จะบอกว่าฝ่ายใดเป็นผู้ชนะ และจะช่วยให้คุณติดตามเกมได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

กฎการนับแต้มไพ่พื้นฐานในบาคาร่า
การนับแต้มในบาคาร่าไม่ซับซ้อน แต่มีกฎเฉพาะตัวที่แตกต่างจากเกมไพ่อื่นๆ ดังนี้:

ไพ่ A (เอซ): มีค่าเท่ากับ 1 แต้ม
ไพ่ 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9: มีค่าตามหน้าไพ่ (เช่น ไพ่ 5 ก็คือ 5 แต้ม)
ไพ่ 10, J (แจ็ค), Q (ควีน), K (คิง): มีค่าเท่ากับ 0 แต้ม

วิธีการรวมแต้มไพ่
เมื่อได้ไพ่ 2 ใบหรือ 3 ใบในมือ วิธีการรวมแต้มคือการ นำแต้มของไพ่แต่ละใบมารวมกัน และใช้เพียงหลักหน่วยของผลรวมเท่านั้น หากผลรวมเกิน 9

ตัวอย่างการคำนวณแต้ม:

ไพ่ K + 5: 0+5=5 แต้ม
ไพ่ 7 + 2: 7+2=9 แต้ม
ไพ่ A + 3: 1+3=4 แต้ม
ไพ่ 8 + 6: 8+6=14 แต้ม 👉 นับแค่ 4 แต้ม (เอาหลักหน่วย)
ไพ่ J + Q: 0+0=0 แต้ม
ไพ่ 9 + A + 2: 9+1+2=12 แต้ม 👉 นับแค่ 2 แต้ม
ผลลัพธ์ของแต้มสูงสุดในบาคาร่า
เป้าหมายของเกมบาคาร่าคือการให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีแต้มรวมใกล้เคียง 9 แต้ม มากที่สุด

ป๊อก (Natural): กติกาบาคาร่า หากไพ่ 2 ใบแรกของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรวมกันได้ 8 หรือ 9 แต้ม จะถือว่า “ป๊อก” หรือ “Natural” ซึ่งเป็นแต้มสูงสุด หากเกิดกรณีนี้ เกมจะจบทันที และฝ่ายที่ป๊อกจะเป็นผู้ชนะ (ยกเว้นอีกฝ่ายก็ป๊อก 8 หรือ 9 เท่ากัน ก็จะถือว่าเสมอ)
บทบาทของการคำนวณแต้มในการจั่วไพ่ใบที่สาม
การคำนวณแต้มไม่ได้มีเพียงแค่การหาผู้ชนะเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนสำคัญในการกำหนดว่าฝ่ายใดจะต้องจั่วไพ่ใบที่สามเพิ่มเติมหรือไม่ ตาม กติกาการจั่วไพ่ใบที่สาม ที่กำหนดไว้ตายตัว ซึ่งจะถูกดำเนินการโดยดีลเลอร์โดยอัตโนมัติ

ฝั่งผู้เล่น (Player):

ถ้ามีแต้มรวม 0-5: ต้องจั่วไพ่เพิ่ม สอนเล่นบาคาร่า
ถ้ามีแต้มรวม 6-7: ไม่ต้องจั่วไพ่เพิ่ม (อยู่) วิธีเล่นบาคาร่า
ถ้ามีแต้มรวม 8-9: ป๊อก (ไม่ต้องจั่วเพิ่ม) สูตรบาคาร่า
ฝั่งเจ้ามือ (Banker): การจั่วไพ่ของเจ้ามือจะขึ้นอยู่กับแต้มของเจ้ามือเอง และไพ่ใบที่สามที่ผู้เล่นจั่วได้ ซึ่งเป็นกฎที่ซับซ้อนกว่า แต่คุณไม่จำเป็นต้องจำทั้งหมด เพราะดีลเลอร์จะจัดการให้

สรุป กติกาบาคาร่า
การเรียนรู้ การคำนวณแต้มในบาคาร่า เป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดในการเล่นเกมนี้อย่างเข้าใจและสนุกสนาน แม้ว่าเกมจะดำเนินไปอย่างรวดเร็วและดีลเลอร์จะเป็นผู้จัดการทุกอย่าง แต่การที่คุณเข้าใจห

Leave a Reply